2013-10-17 21:13:00THOKCHAS

菩多佛教文物2館N2-曼谷瓦臘由祂寺龍普通大師2460~2469媚卡帕礦必打(2553佛牌比賽第2名)

 



9102302瓦臘由祂寺龍普通大師2460~2469媚卡帕礦必打(3x2.2x1.2)1.JPG






9102302瓦臘由祂寺龍普通大師2460~2469媚卡帕礦必打(3x2.2x1.2)2.JPG






9102302瓦臘由祂寺龍普通大師2460~2469媚卡帕礦必打(3x2.2x1.2)3.JPG






9102302瓦臘由祂寺龍普通大師2460~2469媚卡帕礦必打(3x2.2x1.2)4.JPG






9102302瓦臘由祂寺龍普通大師2460~2469媚卡帕礦必打(3x2.2x1.2)5.JPG






9102302瓦臘由祂寺龍普通大師法照(2363~2480.享年117歲).jpg




 

曼谷

瓦臘由祂寺

龍普通大師

(2363~2480.享年117歲)

2460~2469媚卡帕礦必打

 佛曆2460~2469年(西元1917~1926年)

此必打佛以媚卡帕礦熔鍊.

這在當時是很少督造的材料

此必打正確出寺日期不詳.

泰國推估大約在2460~2469之間督造.

龍普通大師是近代許多已圓寂名師的老師

龍波ㄆ.龍波鐘.龍波術.龍波空...等近代有名的高僧都曾拜於大師座下學習佛法.

大師神通具足.在2次大戰期間.

大師為防止曼谷區內一些有名的寺廟遭到盟軍投彈炸燬

特別加持一批沙子

並將此沙撒在寺廟周圍.

後來盟軍空襲投彈.落在寺廟周圍的炸彈.

通通沒有爆炸!

佛牌全功能.

參加2553佛牌比賽.得到第2名

 

 

 

含鍍金防水銀殼尺寸.

高3公分.寬2.2公分.厚1.2公分

 ***********************

以下是大師生平及泰文資料

提供給有能力的藏家翻譯閱讀

ปาฏิหาริย์น้ำพุทธมนต์ (1) พระเกจิฯดัง"หลวงปู่ทอง"
คอลัมน์ มุมพระเก่า สรพล โศภิตกุล  วัดลาดบัวขาว หรือที่เรียกกันอย่างคุ้นว่าวัดราชโยธา กรุงเทพมหานคร ในอดีตสมัยที่หลวงปู่ทองเป็นเจ้าอาวาส ตั้งอยู่ในแวดวงของหมู่แขก
มีบ้านแขกเรียงรายล้อมรอบอยู่ทั่วไปในบริเวณ
ผู้เฒ่าผู้แก่เล่าขานกันว่าหลวงปู่ทองได้แสดงอิทธิปาฏิหาริย์
สร้างความดีจนบรรดาพวกแขกนับถือหลวงปู่ทองเป็นจำนวนมาก
กล่าวได้ทีเดียวว่าสมัยหลวงปู่ทองเป็นเจ้าอาวาสวัดราชโยธา
พวกแขกในย่านนั้นแทบทุกบ้านต่างก็พากันนับถือหลวงปู่ทอง
เรื่องเล่าถึง "ปาฏิหาริย์" หลวงปู่ทองเรื่องหนึ่ง เล่าสืบกันมาว่า
มีแขกคนหนึ่งเข้าไปตกปลาในวัด ด้วยปลาที่หน้าวัดและที่ในสระนั้น
มีชุกชุมนัก แต่แกตกปลาตลอดทั้งคืนก็หาได้ปลาไม่
แม้บางครั้งเหมือนจะมีปลามาติด แต่พอวัดขึ้นมากลายเป็นใบไม้
บางครั้งก็ฮุบเหยื่อเหนี่ยวไปเหนี่ยวมา พอวัดจวนจะพ้นน้ำดิ้นไปมา
จนน้ำกระจาย แต่พอพ้นน้ำขึ้นมากลับกลายเป็นใบไม้ไป
ครั้งสุดท้ายคล้ายปลาจะกินเบ็ดจริงๆ แต่วัดเท่าไรก็ไม่ขึ้น
มันลากไปลากมาอยู่ในสระน้ำ ในใจก็คาดคิดว่าจะเป็นปลาตัวใหญ่ ด้วยบางทีลากเสียปลายคันเบ็ดจมลงน้ำไปด้วย
บางคราวก็ฉุดลากจนตัวแกเกือบคะมำลงน้ำ
สุดท้ายเมื่อลากขึ้นมาพ้นน้ำได้กลับกลายเป็นหัวกะโหลก
ตกใจจนจับไข้อยู่หลายวัน
ข่าวผีกินเบ็ดก็แพร่กระจายออกไปว่า หลวงปู่ทองใช้ผีเฝ้าปลาในสระวัด
ยามที่มีผู้คนล้มป่วย ซึ่งในสมัยนั้นการคมนาคมไม่สะดวก
ห่างไกลจากสถานพยาบาล ทำให้มีผู้คนล้มตายกัน
ด้วยรักษาไม่ทันการ ชาวบ้านในละแวกวัดที่เป็นคนไทยพุทธ
ล้วนต่างไปหาหลวงปู่ทอง ท่านก็เป่าเสกให้กินยา กินน้ำมนต์
พากันหายจากโรค

ก็เป็นที่ร่ำลือกันว่าหลวงปู่ทองเป็นหมอวิเศษ

ปาฏิหาริย์น้ำพุทธมนต์ (2) พระเกจิฯดัง"หลวงปู่ทอง"
คอลัมน์ มุมพระเก่า สรพล โศภิตกุล

คราว หนึ่งโรคอหิวาต์ได้ระบาดในชุมชนหมู่บ้านแขก และไทยพุทธ รอบๆ วัดราชโยธา มีผู้คนล้มป่วยกันมากมาย ชาวไทยพุทธที่ไปหาหลวงปู่ทองรักษาให้ล้วนต่างหายจากโรคกัน เป็นที่ร่ำลือกัน

วันหนึ่งพวกแขกละแวกวัดหลายสิบคนต่างพากันไปหาหลวงปู่ทอง
มีหญิงแขกคนหนึ่งอุ้มลูกที่ป่วยมาด้วย
หลวงปู่ทองก็ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี ได้ถามไถ่ว่ามีเหตุธุระอันใด
จึงมาหาท่านถึงวัด พวกแขกก็เล่าเรื่องราวให้ฟัง
ท่านก็บอกให้เอาเด็กป่วยมาให้ท่านดู
พอเห็นท่านก็ทราบว่าเด็กน้อยคนนี้เป็นอะไร

หลวงปู่ทองให้ลูกศิษย์ไปหยิบไพลมาให้หัวหนึ่ง
เมื่อได้มาท่านก็เหลาปลายไพลให้พอแหลม
แล้วท่านก็จี้ลงไปที่ตัวเด็ก ทันทีที่จี้ถูกตัว เด็กร้องว่า "กลัวแล้วๆ
ผมกลัวแล้ว"

หลวงปู่ทองก็ถามไป "เอ็งชื่ออะไร"

เสียงเด็กตอบว่า "ผมชื่อโดดครับ"

หลวงปู่ทองว่า "ใครใช้เอ็งมา"

เด็กตอบว่า "หมอสอนครับ"

หลวงปู่ทองถามต่อ "เองมาทำไม"

เด็กตอบกลับว่า "มาเอาชีวิตอ้ายหวังครับ"

หลวงปู่ทองถาม "อ้ายหวังมันทำอะไรให้"

เสียงเด็กตอบมาว่า "มันเยี่ยวรดหมอสอนครับ"

หลวงปู่ทองก็ว่า "หน็อยแน่เรื่องเพียงเท่านี้ถึงจะมาเอาชีวิตชีวาเชียวรึ เอ็งจะอยู่หรือจะไป ถ้าอยู่ข้าจะให้เฝ้าปลาในสระที่หน้าวัด"

เด็กคนนั้นนั่งก้มหน้าเฉย หลวงปู่ทองจึงเอาไพลจี้พร้อมสำทับไปว่า "ยังไง เอ็งจะอยู่หรือจะไป"

เด็กคนนั้นก็ว่า "ไม่อยู่ครับ หมอสอนแกสั่งให้รีบกลับเร็วๆ ครับ"

หลวงปู่ทองจึงเอากำหญ้าคาจุ่มน้ำมนต์ฟาดลงไปที่ตัวเด็ก
เสียงของผีร้ายในร่างเด็กก็ร้องว่า "ผมกลัวแล้วๆ ผมไปแล้วครับ"
หลวง ปู่ทองก็เอาน้ำมนต์ซัดลงไปที่ร่างเด็กอีกครั้ง เด็กดิ้นล้มลงนอนเหยียดยาวแล้วเงียบไปชั่วขณะหนึ่ง พอลืมตาก็ลุกขึ้นนั่งได้ตามปกติ หายราวปลิดทิ้ง แล้วท่านก็เอาด้ายสายสิญจน์มาผูกข้อมือให้

หลวงปู่ทองว่า ด้ายนี้เอาไว้ป้องกันมันจะเข้าอีกไม่ได้
แล้วก็เอาน้ำมนต์ให้พวกแขกไปคนละขวด พร้อมด้ายสายสิญจน์
ส่วนน้ำมนต์เอาไปอาบบ้าง กินบ้าง ประพรมบ้านบ้าง
น้ำมนต์นี้ป้องกันผีห่าได้

ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา พวกแขกเหล่านั้นก็เชื่อมั่นในตัวหลวงปู่ทอง
ต่างพากันนับถือ บางคนเห็นความศักดิ์สิทธิ์ของ "น้ำมนต์"
หลวงปู่ทองด้วยตาของตนเอง บ้างก็ได้ยินคำร่ำลือคำบอกเล่า
บางครั้งพระพายเรือออกบิณฑบาตผ่าน

ทางหน้าบ้านของแขกเหล่านั้น พวกเขาจะกวักมือเรียกให้พระจอดเรือแล้วเอาข้าวของมาฝากให้หลวงปู่ทอง บางคราวก็นำมาให้ถึงวัด
เขาบอกว่าเขาให้คนที่นับถือ คนที่ไม่เข้าใจก็คิดว่าแขกใส่บาตรพระ


ปาฏิหาริย์น้ำพุทธมนต์(จบ) พระเกจิฯดัง"หลวงปู่ทอง"
คอลัมน์ มุมพระเก่า สรพล โศภิตกุล

กล่าวสำหรับน้ำมนต์ ในหนังสือพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน
ให้นิยามว่า "น้ำเสกเพื่ออาบเป็นมงคล" พจนานุกรมฉบับมติชน
ว่า น้ำมนต์, น้ำมนต์ คือ "น้ำที่เชื่อว่าเป็นมงคลที่ได้จากการสวด
หรือเสก ใช้อาบกินหรือประพรมเพื่อเป็นสิริมงคล"

อย่างไรก็ตาม น้ำมนต์โดยทั่วไป มีการใช้อยู่ 3 ประเภท คือ
1. ใช้เพื่อเป็นมงคล 2. ใช้เพื่อรักษาโรค 3. ใช้ระงับทุกข์ภัย

ใช้เพื่อเป็นมงคล ใช้ในการทำบุญทางศาสนา

ที่เรียกว่า งานมงคล ปกติต้องจัดตั้งบาตรน้ำมนต์ หรือขันน้ำมนต์
ถ้าทำบุญขึ้นบ้านใหม่ ตั้งบาตรทรายด้วย มีด้ายสายสิญจน์
โยงจากองค์พระพุทธรูปที่ตั้งเป็นประธานในพิธี วงมาที่บาตรน้ำมนต์ พระสงฆ์ในพิธีทั้งหมดถือด้ายสายสิญจน์ขณะเจริญพระพุทธมนต์

พระสงฆ์ผู้เป็นสังฆเถระ จะหยดเทียนและดับเทียน
เมื่อถึงบทมนต์ที่กำหนดรู้ไว้ เสร็จพิธีนั้นแล้ว พระสงฆ์เถระจะประพรมน้ำมนต์ให้แก่เจ้าของงานและผู้มาร่วมงาน

ใช้เพื่อรักษาโรค โบราณนิยมทำเป็นประจำ
โดยเที่ยวไปนมัสการตักน้ำมนต์ในโบสถ์ตามวัดต่างๆ
นิยมว่า 7 วัด เอามารวมกันในหม้อน้ำมนต์ที่บ้านตั้งไว้หน้าที่บูชาพระ ใครเจ็บไข้ไม่สบายขึ้นมาก็ไปกราบขอน้ำมนต์กิน
โดยมากมักหายคนจึงนิยม และนิยมใช้น้ำมนต์รักษากันสารพัดโรค

ใช้เพื่อระงับทุกข์ ในธัมมปทัฏฐกถา ภาค 7 ปกิณกวรรค
เรื่องอตโนบุพกรรม ท่านเล่าว่า เกิดภัยใหญ่ 3 ประการ

เกิดขึ้นในกรุงไพสาลี แคว้นวัชชี คือ
1. ทุพภิกขภัย ข้าวยากหมากแพง
2. อมนุสสภัย อมนุษย์ให้โทษ
3. โรคภัย ภัยเกิดแต่โรคระบาด คนล้มตายมากทั่วเมือง

เจ้าลิจฉวีผู้ปกครองเมืองจัดการรักษาทุกทางก็ไม่ระงับ
ในที่สุดเห็นทางแก้ไขอยู่ทางเดียวว่า พุทธานุภาพเท่านั้นจะช่วยได้
จึงส่งคณะเจ้าลิจฉวีไปทูลเชิญเสด็จพระพุทธองค์
ซึ่งขณะนั้นประทับอยู่ที่กรุงราชคฤห์ แคว้นมคธ
พระพุทธองค์รับจะเสด็จกรุงไพสาลี โดยเสด็จทางเรือตามแม่น้ำคงคา พอพระพุทธองค์ย่างเข้าเขตแคว้นวัชชีฝนตกใหญ่ น้ำนอง
พอฝนหาย เมืองสะอาด พอเสด็จถึงกรุงไพสาลี
โปรดให้พระอานนท์รับเรียนรัตนสูตรให้เจ้าลิจฉวีถือบาตรน้ำมนต์
พระอานนท์บริกรรมรัตนปริต ประพรมน้ำมนต์ทั่วบริเวณกรุงไพสาลี
ในกำแพงเมืองทั้งสามชั้น รอบแล้วกลับมาเฝ้าพระพุทธองค์ ภัยทั้ง 3 ระงับทันที ประชาชนกลับเป็นปกติสุขตามเดิม

ในสารานุกรมไทยฉบับราชบัณฑิตยสถาน กล่าวถึงน้ำมนต์ว่า
"น้ำมนต์นี้ ถ้าเสกด้วยพระพุทธมนต์ เรียกว่า น้ำพระพุทธมนต์
นิยมว่า ต้องพระเสก ถ้าเสกด้วยโองการตามลัทธิไสยศาสตร์
เรียกว่า เทพมนต์ หรือทิพย์มนต์
อย่างที่พวกพราหมณ์ทำอยู่ที่โบสถ์พราหมณ์ กรุงเทพฯ

น้ำมนต์นี้ เชื่อกันว่าสามารถระงับทุกข์ระงับภัยได้จริงๆ
แต่จะแก้อะไร ก็มีคาถาสำหรับบริกรรม หรือเสกเฉพาะๆ
เช่น แก้เสนียดจัญไร ก็มีคาถาสำหรับเสกเฉพาะ แก้เสนียดจัญไร
แก้ปวดศีรษะ แก้โรคตาแดง ก็มีคาถาเฉพาะสำหรับแก้โรคนั้นๆ
เป็นทุกข์ใจเพราะอะไร ก็มีคาถาบริกรรมเฉพาะ
ทั้งนี้ก็เป็นอุปเท่ห์ของอาจารย์ผู้ทำน้ำมนต์ ต้องใช้น้ำสะอาดบริสุทธิ์
ใส่ภาชนะเฉพาะ เช่น ขันที่ทำเฉพาะ เรียกว่า หม้อบ้าง ครอบบ้าง
กลตบ้าง ตามที่มี แต่ใช้บาตรดีที่สุด ในน้ำมนต์ ควรมีใบเงิน ใบทอง ใบส้มป่อย ผิวมะกรูด เวลาจะรด ควรมีใบมะตูมทัดหู
แต่ทั้งนี้ ก็แล้วแต่อาจารย์ผู้รดจะทำให้ อย่างไรก็ต้องทำตามอาจารย์

น้ำมนต์นี้ที่จะขลังอาศัยเหตุประกอบ 3 ประการ คือ
1. พระอาจารย์ผู้ทำ ต้องใจบริสุทธิ์ มีสมาธิเป็นอัปนาแนบแน่น
มีวสีชำนาญการบริกรรม
2. ผู้รด ต้องมีความเชื่อมั่นไม่ลังเลสงสัย มั่นใจ
3. โรค หรือภัยนั้น อยู่ในวิสัยที่น้ำมนต์จะรักษาได้

เมื่อเหตุ 3 ประการนี้ ประกอบพร้อมเป็นอันเดียวกัน ย่อมสำเร็จตามความประสงค์"


หลวงปู่ทอง วัดราชโยธา
(ตั้งอยู่บนถนนวงแหวนรอบนอกใกล้กับจุดตัดถนนมอเตอร์เวย์)
เป็นพระเกจิอาจารย์รุ่นเก่ายุคก่อนสงคราม ท่านมีวิชาอาคมแก่กล้า

โดยเป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่ภูวัดเงิน ตลิ่งชัน
และพระอาจารย์แสงวัดมณีชลขันธ์ ลพบุรี
ผู้เป็นอาจารย์ของสมเด็จพุทธาจารย์โต
นอกจากนั้นท่านยังได้มีโอกาสศึกษาวิชาเพิ่มเติมกับสมเด็จโตอีกด้วย

ส่วน เกจิอาจารย์ที่คุ้นเคยไปมาหาสู่กัน เช่น หลวงปู่ปั้นวัดเงิน ตลิ่งชัน หลวงพ่อปานวัดบางเ *** ้ย สมุทรปราการ หลวงปู่ศุขวัดมะขามเฒ่า ชัยนาท หลวงปู่ภูวัดอินทร์ กรุงเทพฯ และท่านเจ้ามาวัดสามปลื้ม กรุงเทพฯ

สำหรับลูกศิษย์ของท่านก็มี
หลวงปู่เผือกวัดกิ่งแก้ว สมุทรปราการ
หลวงปู่เหลือ วัดสาวชะโงก ฉะเชิงเทรา,
หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก อยุธยา,
หลวงปู่คง วัดบางกะพ้อม สมุทรสงคราม,
หลวงปู่จาด วัดบางกะเบา ปราจีนบุรี,
หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ,
หลวงพ่อคล้าย วัดสวนขันธ์ นครศรีธรรมราช,
หลวงพ่อทองอยู่ วัดใหม่หนองพระองค์ สมุทรสาคร,
หลวงพ่ออี๋ สัต *** บ,...
หลวงพ่อเพชรวัดสามปลื้ม กรุงเทพฯ

และศิษย์ที่เป็นฆราวาส เช่น อาจารย์แก้วคำวิบูลย์ อาจารย์แถว
และอาจารย์เจ็ก
ในสมัยก่อนหลวงปู่ทอง ท่านเป็นพระที่มีอาวุโสสูง
และทรงไว้ซึ่งวิทยาคมแก่กล้า
ดังนั้นไม่ว่าใครก็ล้วนมาขอเรียนวิชาต่างๆจากท่าน

หลวงปู่ทองมีอายุยืนยาวถึง 117 ปี
จึงมรณภาพด้วยโรคชราเมื่อปี 2480

ท่าน ได้สร้างพระเครื่องไว้มากมายหลายรุ่นหลายพิมพ์มีทั้ง พิมพ์สมเด็จยันต์ข้าง พิมพ์ปิดตายันต์ข้าง พิมพ์แม่ธรณีบีบมวยผมยันต์ข้าง พิมพ์ปิดตาหลังยันต์อุเนื้อเมฆพัด เป็นต้น

สำหรับพระเครื่องวัตถุมงคลต่างๆ หลวงปู่ทองก็สร้างไว้พอสมควร
แต่ปัจจุบัน ไม่ค่อยได้เห็นกัน เพราะหายากมาก
คนรุ่นนั้นต่างเก็บไว้ใช้กันหมด ที่เราพอจะได้เห็นกันบ้างก็คือ
สมเด็จเขียวเหนียวจริง หรือพระสมเด็จกรุบึงพระยาสุเรนทร์
ซึ่งท่านสร้างและปลุกเสกให้

แม้แต่ตอนสงครามอินโดจีน พระยาพหลพลพยุหเสนา
อดีตนายกรัฐมนตรี ก็ยังได้นิมนต์ท่านขึ้นเครื่องบิน ไปโปรยทรายเสก รอบวัดพระแก้ว และสนามหลวง รวมทั้งบริเวณใกล้เคียง
เพื่อให้คุ้มครอง มิให้เป็นอันตรายจากระเบิดของข้าศึก
และยังได้ขอร้องให้ท่านสร้างเสื้อยันต์เพื่อแจกทหารไปใช้ในสงคราม

ซึ่ง เสื้อยันต์นี้มีกิตติศัพท์เลื่องลือกันมาก ว่าแคล้วคลาดยิงไม่ถูกหรือโดนยิงแล้วไม่เป็นอะไร บางคนโดนยิงล้มลง ก็ยังลุกขึ้นมาสู้ใหม่ได้ จนได้รับฉายาว่า ทหารไทยเป็นทหารผี

ซึ่งตอนนั้น เสื้อยันต์ที่ท่านสร้าง จะจารเขียนด้วยดินสอดำ
ท่านเองทำให้ไม่ทัน จึงได้ขอให้พระอาจารย์อีก 5 ท่าน
มาร่วมสร้างด้วย คือ
1.หลวงปู่แช่ม วัดตาก้อง นครปฐม,
2.หลวงปู่คง วัดบางกะพ้อม,
3.หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก อยุธยา,
4.หลวงปู่จาด วัดบางกะเบา ปราจีนบุรี,
5.หลวงปู่เผือก วัดกิ่งแก้ว สมุทรปราการ

หลวงปู่ทองท่านเป็นพระที่ความศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างยิ่ง
ท่านมีอภิญญาปาฏิหาริย์มากมาย แม้แต่คนจะถ่ายรูปท่าน
ก็ยังถ่ายไม่ติดเลยครับ ทำให้ปัจจุบัน จึงไม่ค่อยมีรูปท่านให้เห็นกัน
จะ มีที่เห็นก็เพียงรูปเดียวก็คือ รูปที่บรรดาลูกศิษย์ทั้งหลายร่วมกันไปอ้อนวอนขอถ่ายรูปท่าน ซึ่งเป็นรูปที่ท่านกำลังลงจากกุฏิไปฉันเพลเท่านั้น

ส่วนเนื้อหาก็มีทั้ง เนื้อดิน เนื้อผง ดินผสมผง และเมฆพัด
พระเครื่องของท่านมีพุทธคุณสูงทางด้านเมตตาแคล้วคลาด
และคงกระพัน ขนาดที่ว่าพี่น้องชาวมุสลิมที่อาศัยบริเวณใกล้เคียงวัดยังให้ความเคารพนับถือท่านอย่างสูงเลย

23-91023-02106515